วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

อีสา ความรักยิ่งใหญ่จากใจแม่

ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ความรักที่ผูกผันระหว่างแม่และลูกมีความลึกซึ้งและมีความมั่นคงยิ่งนัก นวนิยายเรื่องอีสา ได้เสนอแนวคิดของความรักแท้ของแม่ที่มีต่อลูก ความสัมพันธ์ในสายโลหิต เมื่อใดลูกเกิดอันตรายย่อมปกป้องคุ้มครองลูกด้วยชีวิต อีสา เป็นหนึ่งในวรรณกรรมชิ้นเอกจากปลายปากกาของสีฟ้า หรือ ม.ล.ศรีฟ้า มหาวรรณ ที่บรรจงถ่ายทอดเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคสมัยในสังคมที่วุ่นวายแปรเปลี่ยนไปขึ้นลง เช่นเดียวกันกับชีวิตของอีสา ที่มีขึ้นมีลงผลัดเปลี่ยนไปมีขึ้นสูงก็ต้องมีลงต่ำ
              อีสาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของผู้หญิงที่เกิดและเติบโตเป็นคนรับใช้อยู่ในวังรวีวาร อีสานั้นอาภัพมีแม่แต่มาตายตั้งแต่เกิด อีสาจึงอยู่ในความดูแลเลี้ยงดูของป้าเจิมซึ่งเป็นคนรับใช้ในวังรวีวารเช่นกัน ชีวิตของอีสาดั่งเทวดาอุ้มสมส่งให้เป็นหม่อมอีกคนหนึ่งของท่านชายรวีโชติช่วงผู้ครองวัง ไม่นานอีสาได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกแก่ท่านชายได้เชยชมสมใจ ไม่ทันที่หญิงสาวจะเข้าใจความรักของแม่อย่างลึกซึ้งคุณชายก็ถูกหม่อมพริ้มผู้ซึ่งเป็นหม่อมใหญ่ของท่านชายพรากไป หนำซ้ำยังบังคับให้อีสาปิดบังเรื่องชาติกำเนิดของคุณชายรวีช่วงโชติเอาไว้ หลังจากที่ท่านชายสิ้นชีพิตักษัย ทุกสิ่งในวังรวีวารก็เปลี่ยนแปลงไปที่ดินบ้างส่วนที่ติดจำนองไว้กลายมาเป็นที่พักอาศัยของผู้ที่มาอยู่ใหม่นำพาให้อีสาพบเจอกับนายสมศักดิ์ ชายหนุ่มรูปงามที่อีสาหลงรัก การได้พบกับสมศักดิ์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะนำพาชีวิตของอีสาโลดโผนเปลี่ยนอย่างที่อีสาหรือคนไหนๆ ในวังรวีวารจะคาดถึงและยังนำพามหัตภัยร้ายสู่คนที่อีสารักร่วมไปถึงตัวอีสาเองด้วย เป็นความผิดร้ายแรงต่อคุณหญิงโสภาพรรณวดีถูกกล่าวหาว่าร้ายทำให้ชีวิตตกต่ำลงอย่างที่ไม่เคยร็หรือเจอมาก่อน
            จะเห็นได้ว่าเรื่องราวของอีสาขึ้นลงสูงต่ำก็ไม่พ้นเรื่องราวของความรัก ทำไมอีสาหรืออุษาวดี อิสระ จึงโหยหาความรัก หากย้อนไปดูที่ต้นสายปลายเหตุของเรื่องของอีสาจะเห็นได้ว่าทุกสิ่งอย่างล้วนมาจากครอบครัว อีสาเป็นเด็กที่เกิดมาในภาวะที่เรียกว่าบ้านแตกพ่อไม่มีแม่ตายมีป้าเจิมเป็นที่พึ่งที่ผู้เดียวถึงป้าเจิมจะเลี้ยงดูอีสา แต่ความรักที่มีให้ก็ไม่อาจทดแทนความรักของพ่อแม่ได้ ไม่แปลกที่ตัวละครอย่างอีสาจะโหยหาสิ่งหนึ่งที่ตนเกิดมาไม่เคยพานพบว่ามีอยู่นั้นคือความรักนั้นเอง
            ด้วยความหวังดีของป้าเจิมที่จะเห็นหลานสาวของตนได้ดี ได้ดี ในความหมายของป้าเจิมไม่ได้หมายความว่าอีสาจะอ่านออกเขียนหนังสือเป็นแน่ในความคิดของผ็อ่านเพราะป้าเจิมคงได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าช่องทางที่จะได้ดีในสิ่งที่สังคมโบราณร่วมไปถึงปัจจุบันเองก็คิดไม่ต่างกันในตลอดระยะหลายสิบคือ การที่ผู้หญิงจะได้แต่งงานหรือมีสามีรวยมีเงินทองเลี้ยงดูให้ความคุ้มครอง อีสาเองยังเป็นเด็กมิได้เข้าใจถึงเป้าประสงค์แม้จริงของป้าตนเอง
            หม่อมนิ่มพูดดเป็นนัย “อาจมีวาสนากับเขาบ้าง” ตอนที่ยายเจิมพาอีสาไปให้หม่อมนิ่ม หม่อมน้อย อสายังมีความคิดเป็นเด็กคล้อยตามป้าเจิมไป
            ความรักในแบบที่อีสาหามาตลอดค่อนชีวิต ไม่ใช่ความรักแต่เป็นความใคร่ความอยากของกิเลสตัณหาของตัวอสาเองที่นำพาให้ชีวิตของอีสาด่ำดิ่งสู่ทางต่ำต่อให้อีสามีชีวิตดีอย่างไรมีสามีคอยปรนเปรออย่างนายทหารเซกิหรือมีไนซ์คลับใหญ่โตเหมือนว่าชีวิตของคนอย่างอีสาจะมีแต่เสียงหัวเราะความสนุกสนานครื่นเครงในใจของอีสากลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย มาเริ่มเข้าใจความรักที่แท้จริงเมื่อวันที่ได้พบลูกชายบังเกิดเกล้า ม.ร.ว.รวีช่วงโชติ รวีวาร
            ...เวลาตั้งยี่สิบกว่าปี ทำให้อีสาเกือบจะลืมลูกชายเสียสนิทในบางครั้ง แม้จะนึกถึงบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับอาลัยอาวรณ์ รุนแรงนัก แต่มาบัดนี้...ได้เห็นได้รู้จักโดยบังเอิญ สัญชาตญาญของแม่ทำให้เกิดความรักและอาวรณ์อย่างจับใจ
            อีสาไม่สามารถบอกความจริงที่ตนเป็นแม่ของคุณชายได้ไม่ใช่เพียงคำสาบานที่ตนให้ไว้กับหม่อมพริ้มเท่านั้น แต่ด้วยความรักของคนที่เป็นแม่ อีสารู้ตัวดีว่าตนไม่มีสิทธิ์แม้อยากจะมีสิทธิ์แค่ไหนก็ตามเพราะอีสาไม่ไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่นที่มองมายังตัวอีสา แต่อีสารู้อยู่แก่ใจตนดีว่าตนมีความต้องการกิเลสตัณหา ความเลวของตนจะทำให้ลูกต้องมัวหมองไปกับความเลวทรามต่ำช้าของอีสาไม่ได้เด็ดขาดคุณชายต้องได้ดีเป็นคนดี
ความรักของแม่ที่มีต่อลูกที่รักปกป้องลูกสุดชีวิตเหมือนที่อีสาปกป้องโสภิตจากนายประธาน
               
                ...ภาพที่อีสาเห็นทำให้หัวใจอีสาเย็นเฉียบเหมือนเอาน้ำแข็งไปนาบแล้วก็กลับมาร้อนผ่าวด้วยโทสะจริต เป็นภาพที่อีสาเห็นเพียงแวบเดียวสติสัมปชัญญะของอีสาก็มิได้เหลืออยู่ให้ยับยั่งชั่งใจต่อไป...
          นายประธานปล่อยมือจากร่างโสภิต หันมามองอีสาด้วยดวงตาเบิกโตนิดๆ อย่างตกใจและดวงตาก็เบิกค้างอย่เช่นนั้น หลังจากที่งอตัวล้มลงยังพื้นห้อง เมื่อสิ้นเสียงปืนดังก้อง...
          อีสาหวงโสภิตเหมือนแม่เสือหวงลูกเสือ แม่เสือกลัวตะปบสัตว์ที่ทำร้ายลูกของมันฉันใดอีสาก็ฉันนั้น
          ผู้แต่งทำให้ผู้อ่านเกิดความเห็นใจมองต่างมุมกับตัวละครทั้งหลายในเรื่องที่มองอีสาว่าเป็นคนไม่ดี คนกินผัว ทำมาหากินไม่เจริญ ทำให้เกิดความเห็นใจตัวละครอีสา เป็นตัวอย่างของไม่มีชีวิตเลือดเนื้อ แต่มีเรื่องราวสะท้อนความคิดของผู้แต่งที่ว่าคนดีก็อาจจะเป็นคนไม่ดีได้เมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน และคนไม่ดีอาจจะเป็นคนดีได้เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดในชีวิตขึ้นมาก็เป็นได้
         
“อ่อนแรงเพิ่งเริ่มเข้าใจความรักใดยิ่งใหญ่ไม่มี ความรักจากแม่ให้ลูกนี้เป็นรักที่บริสุทธิ์จากใจ”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น