ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ความรักที่ผูกผันระหว่างแม่และลูกมีความลึกซึ้งและมีความมั่นคงยิ่งนัก
นวนิยายเรื่องอีสา ได้เสนอแนวคิดของความรักแท้ของแม่ที่มีต่อลูก
ความสัมพันธ์ในสายโลหิต เมื่อใดลูกเกิดอันตรายย่อมปกป้องคุ้มครองลูกด้วยชีวิต อีสา
เป็นหนึ่งในวรรณกรรมชิ้นเอกจากปลายปากกาของสีฟ้า หรือ ม.ล.ศรีฟ้า มหาวรรณ
ที่บรรจงถ่ายทอดเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคสมัยในสังคมที่วุ่นวายแปรเปลี่ยนไปขึ้นลง
เช่นเดียวกันกับชีวิตของอีสา ที่มีขึ้นมีลงผลัดเปลี่ยนไปมีขึ้นสูงก็ต้องมีลงต่ำ
อีสาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของผู้หญิงที่เกิดและเติบโตเป็นคนรับใช้อยู่ในวังรวีวาร
อีสานั้นอาภัพมีแม่แต่มาตายตั้งแต่เกิด อีสาจึงอยู่ในความดูแลเลี้ยงดูของป้าเจิมซึ่งเป็นคนรับใช้ในวังรวีวารเช่นกัน
ชีวิตของอีสาดั่งเทวดาอุ้มสมส่งให้เป็นหม่อมอีกคนหนึ่งของท่านชายรวีโชติช่วงผู้ครองวัง
ไม่นานอีสาได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกแก่ท่านชายได้เชยชมสมใจ
ไม่ทันที่หญิงสาวจะเข้าใจความรักของแม่อย่างลึกซึ้งคุณชายก็ถูกหม่อมพริ้มผู้ซึ่งเป็นหม่อมใหญ่ของท่านชายพรากไป
หนำซ้ำยังบังคับให้อีสาปิดบังเรื่องชาติกำเนิดของคุณชายรวีช่วงโชติเอาไว้
หลังจากที่ท่านชายสิ้นชีพิตักษัย
ทุกสิ่งในวังรวีวารก็เปลี่ยนแปลงไปที่ดินบ้างส่วนที่ติดจำนองไว้กลายมาเป็นที่พักอาศัยของผู้ที่มาอยู่ใหม่นำพาให้อีสาพบเจอกับนายสมศักดิ์
ชายหนุ่มรูปงามที่อีสาหลงรัก การได้พบกับสมศักดิ์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะนำพาชีวิตของอีสาโลดโผนเปลี่ยนอย่างที่อีสาหรือคนไหนๆ
ในวังรวีวารจะคาดถึงและยังนำพามหัตภัยร้ายสู่คนที่อีสารักร่วมไปถึงตัวอีสาเองด้วย
เป็นความผิดร้ายแรงต่อคุณหญิงโสภาพรรณวดีถูกกล่าวหาว่าร้ายทำให้ชีวิตตกต่ำลงอย่างที่ไม่เคยร็หรือเจอมาก่อน
จะเห็นได้ว่าเรื่องราวของอีสาขึ้นลงสูงต่ำก็ไม่พ้นเรื่องราวของความรัก
ทำไมอีสาหรืออุษาวดี อิสระ จึงโหยหาความรัก
หากย้อนไปดูที่ต้นสายปลายเหตุของเรื่องของอีสาจะเห็นได้ว่าทุกสิ่งอย่างล้วนมาจากครอบครัว
อีสาเป็นเด็กที่เกิดมาในภาวะที่เรียกว่าบ้านแตกพ่อไม่มีแม่ตายมีป้าเจิมเป็นที่พึ่งที่ผู้เดียวถึงป้าเจิมจะเลี้ยงดูอีสา
แต่ความรักที่มีให้ก็ไม่อาจทดแทนความรักของพ่อแม่ได้
ไม่แปลกที่ตัวละครอย่างอีสาจะโหยหาสิ่งหนึ่งที่ตนเกิดมาไม่เคยพานพบว่ามีอยู่นั้นคือความรักนั้นเอง
ด้วยความหวังดีของป้าเจิมที่จะเห็นหลานสาวของตนได้ดี
ได้ดี
ในความหมายของป้าเจิมไม่ได้หมายความว่าอีสาจะอ่านออกเขียนหนังสือเป็นแน่ในความคิดของผ็อ่านเพราะป้าเจิมคงได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าช่องทางที่จะได้ดีในสิ่งที่สังคมโบราณร่วมไปถึงปัจจุบันเองก็คิดไม่ต่างกันในตลอดระยะหลายสิบคือ
การที่ผู้หญิงจะได้แต่งงานหรือมีสามีรวยมีเงินทองเลี้ยงดูให้ความคุ้มครอง
อีสาเองยังเป็นเด็กมิได้เข้าใจถึงเป้าประสงค์แม้จริงของป้าตนเอง
หม่อมนิ่มพูดดเป็นนัย
“อาจมีวาสนากับเขาบ้าง” ตอนที่ยายเจิมพาอีสาไปให้หม่อมนิ่ม หม่อมน้อย
อสายังมีความคิดเป็นเด็กคล้อยตามป้าเจิมไป
ความรักในแบบที่อีสาหามาตลอดค่อนชีวิต
ไม่ใช่ความรักแต่เป็นความใคร่ความอยากของกิเลสตัณหาของตัวอสาเองที่นำพาให้ชีวิตของอีสาด่ำดิ่งสู่ทางต่ำต่อให้อีสามีชีวิตดีอย่างไรมีสามีคอยปรนเปรออย่างนายทหารเซกิหรือมีไนซ์คลับใหญ่โตเหมือนว่าชีวิตของคนอย่างอีสาจะมีแต่เสียงหัวเราะความสนุกสนานครื่นเครงในใจของอีสากลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย
มาเริ่มเข้าใจความรักที่แท้จริงเมื่อวันที่ได้พบลูกชายบังเกิดเกล้า
ม.ร.ว.รวีช่วงโชติ รวีวาร
...เวลาตั้งยี่สิบกว่าปี
ทำให้อีสาเกือบจะลืมลูกชายเสียสนิทในบางครั้ง แม้จะนึกถึงบ้าง
แต่ก็ไม่ถึงกับอาลัยอาวรณ์ รุนแรงนัก แต่มาบัดนี้...ได้เห็นได้รู้จักโดยบังเอิญ
สัญชาตญาญของแม่ทำให้เกิดความรักและอาวรณ์อย่างจับใจ
อีสาไม่สามารถบอกความจริงที่ตนเป็นแม่ของคุณชายได้ไม่ใช่เพียงคำสาบานที่ตนให้ไว้กับหม่อมพริ้มเท่านั้น
แต่ด้วยความรักของคนที่เป็นแม่
อีสารู้ตัวดีว่าตนไม่มีสิทธิ์แม้อยากจะมีสิทธิ์แค่ไหนก็ตามเพราะอีสาไม่ไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่นที่มองมายังตัวอีสา
แต่อีสารู้อยู่แก่ใจตนดีว่าตนมีความต้องการกิเลสตัณหา
ความเลวของตนจะทำให้ลูกต้องมัวหมองไปกับความเลวทรามต่ำช้าของอีสาไม่ได้เด็ดขาดคุณชายต้องได้ดีเป็นคนดี
ความรักของแม่ที่มีต่อลูกที่รักปกป้องลูกสุดชีวิตเหมือนที่อีสาปกป้องโสภิตจากนายประธาน
...ภาพที่อีสาเห็นทำให้หัวใจอีสาเย็นเฉียบเหมือนเอาน้ำแข็งไปนาบแล้วก็กลับมาร้อนผ่าวด้วยโทสะจริต
เป็นภาพที่อีสาเห็นเพียงแวบเดียวสติสัมปชัญญะของอีสาก็มิได้เหลืออยู่ให้ยับยั่งชั่งใจต่อไป...
นายประธานปล่อยมือจากร่างโสภิต
หันมามองอีสาด้วยดวงตาเบิกโตนิดๆ อย่างตกใจและดวงตาก็เบิกค้างอย่เช่นนั้น
หลังจากที่งอตัวล้มลงยังพื้นห้อง เมื่อสิ้นเสียงปืนดังก้อง...
อีสาหวงโสภิตเหมือนแม่เสือหวงลูกเสือ
แม่เสือกลัวตะปบสัตว์ที่ทำร้ายลูกของมันฉันใดอีสาก็ฉันนั้น
ผู้แต่งทำให้ผู้อ่านเกิดความเห็นใจมองต่างมุมกับตัวละครทั้งหลายในเรื่องที่มองอีสาว่าเป็นคนไม่ดี
คนกินผัว ทำมาหากินไม่เจริญ ทำให้เกิดความเห็นใจตัวละครอีสา เป็นตัวอย่างของไม่มีชีวิตเลือดเนื้อ
แต่มีเรื่องราวสะท้อนความคิดของผู้แต่งที่ว่าคนดีก็อาจจะเป็นคนไม่ดีได้เมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน
และคนไม่ดีอาจจะเป็นคนดีได้เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดในชีวิตขึ้นมาก็เป็นได้
“อ่อนแรงเพิ่งเริ่มเข้าใจความรักใดยิ่งใหญ่ไม่มี ความรักจากแม่ให้ลูกนี้เป็นรักที่บริสุทธิ์จากใจ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น